วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รู้เท่ากันกาญจน์ บ้านโบราณปากแพรก






ยะฮู้วว กลับมาอีกครั้งกับรีวิวที่เที่ยว แบบใกล้ๆ ประหยัดใช้เงินน้อย ไปและกลับได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงครับ เนื่องจากเห็นว่าวันนั้นอากาศไม่ร้อน ฝนตกปรอยๆ น่านั่งรถไฟเล่นเหลือเกิน ว่าแล้วการกระทำไวเท่าความคิดครับ คิดเสร็จปุ๊บลุกออกจากที่นอนอาบน้ำแต่งตัวปั๊บ มุ่งหน้าสถานีรถไฟธนบุรีเช่นเคย สำหรับปลายทางในวันนี้ของเรา อยู่ที่สถานีรถไฟกาญจนบุรีครับ แต่ออกจากสถานีรถไฟแล้วไปไหนต่อ ต้องติดตามครับ

วันนี้ผมเลือกใช้รถไฟฟรีเพื่อประชาชน ขบวนที่ 259 ออกเดินทางจากสถานีธนบุรี 13.50 น. ปลายทางสถานีน้ำตก แต่ผมลงแค่กาญจนบุรีครับ โดยมีกำหนดถึงสถานีกาญจนบุรีในเวลา 16.25 น. ก็มีเวลาอ่านหนังสือฟังเพลงชิลๆ ซึมซับบรรยากาศสีเขียวของทุ่งนาสองข้างทางอยู่ราวๆ 2.30 ชั่วโมงครับ
ระหว่างทางก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายอาหารอยู่เป็นระยะ ทั้งข้าวแกงกระทงหลากเมนู ก๋วยเตี๋ยวแห้ง เครื่องดื่มต่างๆ วันนี้เลือกกินข้าวแกงกระทงครับ ซื้อมา 2 กระทง กระทงละ 10 บาทเท่านั้นเองเรียกว่าอิ่ม ถูกตังค์​และเก๋มากมายสำหรับเมนูนี้ครับ  


เมื่อรถไฟเข้าเขตจังหวัดกาญจนบุรี เราก็จะได้เห็นภูเขาขนาดย่อมๆ สีเขียวขจีตัดกับสีฟ้าของขอบฟ้า ทำเอาแอดมินอดใจไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ เพราะบางทีหากมัวแต่ซึมซับด้วยสายตา เกรงว่าจะไม่พอ ต้องตุนความสวยงามนี้ไว้ในกล้องถ่ายรูป เผื่อว่าวันไหนรู้สึกอยากพักสายตา มองอะไรสีเขียวๆ จะได้เปิดภาพนี้มาดูได้ทุกครั้งที่เราต้องการ
เพียงอึดใจเดียวเราก็ได้มาถึงสถานีรถไฟกาญจนบุรี หาน้ำดื่ม เข้าห้องน้ำจัดการธุรส่วนตัวให้เรียบร้อย ผมก็เดินออกมาหน้าสถานีรถไฟกาญจนบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายไปเพียงประมาณ 30 เมตร ก็จะพบกับสุสานดอนรัก ที่สุสานแห่งนี้จะบรรจุศพเหล่าทหารฝ่ายสัมพันธมิตร ที่เสียชีวิตช่วงการสร้างทางรถไฟสายมรณะ สุสานแห่งนี้มีความร่มรื่นสวยงาม ประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสี และทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมชมสุสานแห่งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงความโหดร้ายของสงครามในอดีต  












หลังจากเยี่ยมชมถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ตั้งใจจะเดินต่อไปยังถนนคนเดินปากแพรก ดูจากกูเกิลแมพแล้ว ประมาณ 1.5 โล เอาฟร๊ะ!!!  เดินก็เดิน ก็เดินจริงๆครับ เดินไปได้ 1 ใน 3 ของเส้นทางรู้เลย เรียกพี่วินไปส่งดีกว่า 5555+  20 บาทเอง (ใครได้ถูกกว่านี้อย่ามาเกทับกันนะฮ่าๆ)

เมื่อมาถึงถนนปากแพรก ก็รู้สึกว่ามันไม่ไกลจริงๆนะจากสุสาน แต่ว่าซื้อเวลาดีกว่า จะได้เอาเวลามาเดินเล่น ชมโน่นนี่ไปเรื่อย สิ่งแรกที่ได้พบจะเป็นศาลหลักเมือง จวนผู้ว่า เรือนขุนแผน และประตูเมืองกาญจนบุรี ตามลำดับ และตรงนี้เองจะเป็นจุดเริ่มต้นถนนคนเดินปากแพรก ชุมชนโบราณ 177 ปีแห่งนี้ ตลอดถนนปากแพรกจะมีบ้านเรือนอาคารไม้มากมาย ให้เราได้ซัมซับบรรยากาศของอดีต ตลอดสองข้างทางจะมีสินค้าพื้นเมืองและอาหารหลากหลายเมนูให้เราได้เลือกอิ่มอร่อยกันตลอดเส้นทาง รับรองว่ามาที่นี่ ถ้าบอกว่าไม่อิ่ม เป็นไปไม่ได้แน่นอน

นอกจากอาหาร ของพื้นเมืองและของที่ระลึกแล้วยังมีเวลาที่ไว้แสดงศิลปะวัฒนธรรมของคนเมืองกาญน์อีกด้วย ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ก็จะเป็นการหมุนเวียนกันของเหล่านักเรียน โรงเรียนต่างๆในจังหวัดกาญจนบุรี เสียดายที่ผมมาไวไปหน่อย เดินจนหมดแรงเสียแล้ว จึงต้องขอตัวกลับก่อน ขากลับเราเลือกกลับโดยรถทัวร์ปรับอากาศชั้น 1 สนนราคาค่าโดยสายเพียง 80 บาทเท่านั้น รถออก 19.00 ถึงสายใต้ใหม่ประมาณ 21.30 เวลาดีเวลาเหมาะกันเลยทีเดียว

นับว่าเป็นอีกทริปที่ใช้เงิน และเวลาน้อยมากๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่ามากมายจริงๆ มีเพื่อนไปกับเพื่อน มีแฟนไปกับแฟน ไม่มีใครก็ไปคนเดียวกล้องสักตัวติดมือไป แค่นี้ก็ฟินฝุดๆแล้วล่ะจ้า

**เดินทางด้วยรถไฟฟรี อย่าลืมพกบัตรประชาชน
**จริงๆแล้ว นั่งรถขบวน 259 สามารถเลยไปลงสะพานข้ามแม่น้ำแคว แล้วนั่งขบวน 486 กลับมายังสถานีกาญจนบุรีได้ ห่างกันแค่สถานีเดียว แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการค้างคืนเท่านั้น เพราะจะได้ไม่ต้องรีบร้อน

**รถทัวร์ ป.1 สายกาญจนบุรีกรุงเทพ เที่ยวสุดท้าย เวลา 20.00 น. กะเวลากันให้ดีน๊า อย่าช้อบจนเพลิน จากจะประหยัดจะได้เสียค่าโรงแรมเพิ่มเน้อ


iSSAMEe
11 ก.ค. 2559

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นครคนดีศรีธรรมราช









          ไปนครศรีธรรมราชทีไร ได้ไปแบบรีบไปรีบกลับทุกที แต่ยังดีที่ทุกครั้งได้กำไรเป็นความสุขกลับมา เพราะเมืองนี้ ถึงจะเป็นเมืองขนาดใหญ่ แต่ในแง่ของการท่องเที่ยวยังถือว่าไม่หวือหวาอะไรมากนัก ยังมีความชิล เดินโนงเนงโนงแกละถ่ายรูปได้พอสมควร ฮ่าๆๆ ที่สำคัญอาหารอร่อย กินขนมจีนเมืองคอนทีไร เจริญอาหารทุกที แถมคราวนี้ยังไปติดใจขนมหวานชื่อดังแห่งเมืองคอนเสียด้วย 

iSSAMEe
03 ก.ค. 2559