วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Life Plan

ากจะถามผมว่า ปลายทางท่องเที่ยวที่ไหน ที่ยังไม่เคยไป และอยากไป แบบสุดๆ จริงๆ คือมีหลายที่มากๆ เลยครับ ครบทุกภาคเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าแบบระดับความอยากแล้ว มันมีลำดับขั้นอยู่ครับ

อย่างขั้นระดับ BIG PROJECT เลย เช่น
     อ.เบตง จ.ยะลา เมืองในหุบเขาที่คนจีนและมุสลิม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข หากใครได้เห็นภาพธรรมชาติเมืองเบตงซักครั้ง คงยากที่จำทำให้เชื่อว่าหุบเขากลางม่านหมอกนี้อยู่ริมเส้นชายแดนปลายด้ามขวาน
     ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน ผมจะไม่เปรียบเทียบว่าเมืองที่มีความสวยงามระดับท้อปของประเทศแห่งนี้คือ สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย เพราะที่นี่คือ ปางอุ๋ง ที่นี่คือแม่ฮ่องสอน ภาพของเหล่าหงส์แหวกว่ายสายน้ำท่ามกลางสายหมอกที่จับเกาะยอดสน ที่ตระหง่านเรียงรายอยู่ริมน้ำ ประสานกับสีทองจากแสงแดด ทำให้ผมคิดว่าต้องไปที่นี่ให้สักครั้ง
     อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย ที่นี่คงไม่ต้องบรรยายความงามกันให้มากความ เอาเป็นว่าถ้ายังมีแรงเดิน ควรไปที่นี่ให้ได้ซักครั้ง ถามว่าทำไมถึงอยาก จริงๆแล้วที่นี่เคยมีแพลนจะไปตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นอายุ 18 แต่ก็ไมได้ไปซักที จนอายุ 28 ก็เริ่มใกล้ความจริงว่าอาจจะได้ไป สุดท้ายก็ไมได้ไป จน 29 ก็ว่าจะไป ก็น่าจะพลาดอีก ไม่เป็นไร ปีหน้า 30 ก็จะพยายามหาทางไปอีก ภูกระดึงคือเป็นอะไรที่ครบมาก มาที่เดียวจบ ทั้งเดินป่า นอนเต็นท์ ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก เล่นน้ำตก คือมาที่เดียว one stop service เลยก็ว่าได้ นี่คือระดับ big project คร้บ นอกเหนือจากนี้ ก็มีอีกหลายที่ ทั้งเกือบๆจะถึงขั้น big และ ขั้นระดับ normal เช่น ดอยผ้าห่มปก เชียงใหม่ / เชียงดาว เชียงใหม่ / แก่นมะกรูด อุทัยธานี / สังขละบุรี กาญจนบุรี / เกาะพยาม ระนอง / ลุงดำโฮมสเตย์ สวี ชุมพร / ขนอม นครศรีธรรมราช / เขื่อนรัชประภา สุราษฎร์ธานี / ทุ่งบัวตอง แม่ฮ่องสอน / งานประเพณีเผาเทียนเล่นไฟ สุโขทัย / เนินมะปราง พิษณุโลก ถ้าใครมีแพลนไปไหน อยากไปเหมือนกัน รบกวนเชิญผมด้วยนะครับ ขอไปด้วยคน ...

iSSAMEe
28 ต.ค. 2558

รูปภาพไม่มี ขอแค่เพื่อนร่วมทางที่ดีก็เพียงพอ

ารเดินทางแบบไหน ทำให้ผมมีความสุขที่สุดรู้ไหม?
          บางคนอาจเดาว่า รถไฟ บางคนอาจเดาว่าเครื่องบิน หรือบางคนอาจเดาว่าการเดินทางไปยังปลายทางสวยๆ เงียบๆ ก็นั่นแหละครับ มันก็อาจเป็นแต่ความรู้สึกหนึ่งในหลายร้อยส่วน เพราะจริงๆ แล้วการเดินทางที่มีความสุขที่สุดของผมก็คือ เราได้เดินทางพร้อมกับคนที่เราอยากจะเดินทางด้วย แค่นี้เอง ก็ปิดจ๊อบความสุขได้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกเดินทางแล้ว
          บางคนอาจบอก เอ๊ะ ไหนว่าชอบเดินทางคนเดียวไง ก็ใช่ไงครับ อันนั้นผมชอบ แต่มันก็ไม่สุขเท่าแบบนี้หรอก จริงไหมล่ะ

iSSAMEe
28 ต.ค. 2558

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ALONE





“เห้ย ไปเที่ยวคนเดียว เหงาป่าววะ?”  “เห้ย ไปเที่ยวคนเดียวไม่กลัวเหรอวะ” “เห้ย ไปเที่ยวคนเดียว สนุกเหรอวะ”

          หล่านี้คือคำถามที่ผมเจอบ่อยๆ เวลาอัพรูปลงโซเชียลมีเดียในยามที่ผมออกเดินทางครับ ถ้าจะให้ตอบคำถามบอกเลยว่า เหงา กลัว และสนุกครับ แน่นอนว่ามาคนเดียวบางทีก็เหงาบ้าง แม้ว่าเราจะมีกิจกรรมอื่นๆให้ทำมากมาย แต่เราไม่สามารถทำมันได้ตลอด บางทีก็ต้องอยู่ในห้องแคบๆ คนเดียว ดูทีวีอาบน้ำนอน นั่นคือความเหงาของผม …. มาถึงเรื่องกลัวไหม โห อันนี้โคตรกลัวครับ ทุกครั้งก่อนออกไปดูโลกกว้าง ผมมักจะทำการบ้านอย่างหนัก ตามที่ผมเคยเขียนไปในบทความก่อนหน้านี้แล้ว สุดท้ายเกือบร้อยทั้งร้อยมันมักจะผ่านมาได้ด้วยดีถ้าเราทำการบ้านมาแน่นพอ .... คำถาม สนุกเหรอไปเที่ยวคนเดียว บอกเลยว่า โห แม่งโคตรสนุก เราได้ทำอะไรตามใจที่เราอยากทำ ไม่มีใครมาบังคับให้เราทำสิ่งที่เราไม่อยากทำ เราจะแวะถ่ายรูปตัวเองตรงไหน นานกี่นาทีก็ได้ไม่มีใครว่า เดินผิดทาง ฝนตกตัวเปียก ก็ไม่มีใครมาโทษเรา เหนื่อยๆ อยากดัดจริตแวะร้านกาแฟให้ดูชิค ดูสโลไลฟ์(แบบเฟคๆ) ก็ไม่มีใครว่า เหล่านี้เมื่อเอามายำๆ กันแล้ว ผมเลยคิดว่า เออ เที่ยวกับเพื่อนมันก็โอเค แต่หากมีเวลาเที่ยวคนเดียวบ้าง มันก็ดีไม่น้อย
          ครั้งแรกของการเที่ยวคนเดียว ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก และทำการบ้านหนักเป็นพิเศษ แต่หลังจากทริปนั้นแล้วผมมีความกล้ามากขึ้นเยอะที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับเงาของตัวเอง เงานั้นมักจะทำตามสิ่งที่ผมอยากให้ทำโดยไม่บ่น(แน่นอนว่าถ้ามันบ่นได้ผมคงเผ่น -_-“)  ความรู้สึกเหมือนผมได้ก้าวข้ามข้อกำหนด ที่คนรอบข้างจำกัดไว้ว่า ไปเที่ยวมันต้องไปกับเพื่อน กับแฟน กับคนเยอะๆ ถึงจะสนุก เห้ยอยากให้ลองดู ข้ามออกมา แล้วจะรู้ว่าการเดินเดี่ยวเที่ยวที่ๆเราอยากไปนั้น แม่งโคตรดี

          *หมายเหตุ บล็อกนี้ เหมาะสำหรับคนโสด / คนมีคู่ แต่เวลาไม่ตรงกัน / คนอยากหนีแฟนเที่ยว


iSSAMEe
17 ต.ค. 2558

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวง่ายๆ แบบหมีๆ

          
          นักท่องเที่ยวและนักเดินทางหลายๆ คนมักจะมีสไตล์การเที่ยวและเดินทางที่ต่างกันออกไปครับ บางคนอาจชอบความหรูหรา สะดวกสบาย ขณะที่บางคนชอบความประหยัด ใช้เงินน้อยๆ ค่ำไหนนอนนั่น กินข้างทางตลอดทุกมื้อ สำหรับผมแล้วถ้าถามว่าสไลต์ไหน ผมขอตอบว่าตัวเองเป็นแบบผสมๆละกัน ถ้าจะเรียกให้ดูดีหน่อย น่าจะเรียกว่าเป็นกลุ่มที่ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ฟังแล้วอาจสงสัยว่า เที่ยวยังไงให้ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า สำหรับผม ผมทำแบบนี้ครับ
          1.มองหาตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด ในเส้นทางที่คุณอยากไปหรือเส้นทางใกล้เคียง ที่ต่อยอดกันได้ เช่น อยากไปเชียงใหม่ แต่หาตั๋วถูกไม่ได้ ก็อาจลองมองหาเส้นทางอื่นๆ ที่ราคาย่อมเยากว่า เช่น กรุงเทพ อุดรธานี แล้วอาจหาตั๋วราคาถูกในเส้นทาง อุดรธานี เชียงใหม่ ถ้าทำแบบนี้ได้ในราคาประหยัด สิ่งที่คุณได้เพิ่มมาคือ คุณได้เพิ่มอีก 1 destination แบบเก๋ๆ ในทริปเดียวกันด้วยล่ะ
          2.เมื่อมีตั๋ว มีปลายทางเรียบร้อยแล้ว อย่าลืม นั่งมโนว่า จะไปเที่ยวไหนบ้าง แล้วลองดูจากกูเกิลแมป ว่า มันใกล้ไกลมากน้อยแค่ไหน ถ้าอยู่ในระยะที่เดินได้ ขอให้เดิน แล้วคุณจะพบว่าระหว่างทาง มันมีอะไรให้ถ่ายรูปและเรียนรู้เยอะมาก ผมเอง ในรัศมี 3-4 กิโลเมตร ผมเลือกที่จะเดินบ่อยมาก
          3.มองหาที่พักตั้งแต่เนิ่นๆ เลือกจากทำเล ราคา ตามกำลังทรัพย์ ขอให้เปรียบเทียบกับหลายๆ โรงแรม แต่ดูให้ดีๆ บางที่ค่าโรงแรมถูกมาก แต่อยู่ซะไกลแหล่งท่องเที่ยว จะมาเที่ยว มาถ่ายรูป มาแช๊ะ มาเช็คอินทีก็นั่งรถมา 30-50 บาท แบบนี้หลายๆ เที่ยว เห็นทีจะไม่ไหว สู้ยอมเสียเงินเพิ่มอีกนิด นอนโรงแรมที่เราเดินทางสะดวกน่าจะดีกว่า พวกเว็บไซต์จองโรงแรมต่างๆ นี่ อย่าเชื่ออะไรมากนะ ให้เข้าไปเช็คดูเรื่องราคาได้อย่างเดียว ส่วนรีวิว แนะนำให้หาดูเองจากพันทิพน่าจะดีกว่า ดูจะมีคอมเม้นต์ตรงไปตรงมามากกว่า แล้วตอนจองก็หาเบอร์ แล้วโทรจองตรงกับโรงแรม น่าจะดีกว่ากันเยอะ
          4.อาหารการกิน สำหรับผมแล้ว การกินข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ในเชียงใหม่ ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่แย่นัก ไม่จำเป็นต้องกินข้าวซอยทุกมื้อ เพราะมันไม่ได้อร่อยทุกร้าน ลองถามทางโรงแรมที่คุณพักดูว่า ร้านไหนน่าสนใจ ผมว่าคนพื้นเมืองน่าจะให้คำตอบที่ดีที่สุด อย่างน้อยเขาก็ไม่แนะนำให้คุณไปทานร้านสำหรับนักท่องเที่ยวที่รอฟันราคาจากคุณแน่นอน แต่ถ้าอยากกินร้านเก๋ๆ ตามรีวิวที่เคยเจอๆ มา ก็แนะนำว่าอยากให้ประหยัดมื้ออื่นๆ แล้วไปจัดหนักกับมื้อเก๋ๆ ของคุณทีเดียวเลยดีกว่า สำหรับผมแล้ว ที่เชียงใหม่นอกจากร้านต๋องเต็มโต๊ะแล้ว ร้านดังร้านอื่นไม่เคยได้กินเงินผมเลย กินอาหารพื้นเมืองร้านบ้านๆ เก๋กว่ากันเยอะ
         5.สร้างมิตรภาพกับเพื่อนร่วมทางระหว่างเดินทางไว้เยอะๆ เผื่อบางทีไปด้วยกัน ก็หารค่ารถเหมากันได้ อย่างล่าสุดผมไปนครศรีธรรมราช จากสนามบินมาในตัวเมือง ค่าแทกซี่คันละ 300 บาท ผมโชคดีเจอพี่สาวคนหนึ่งก็ชวนนั่งมาลงตัวเมืองด้วยกัน ก็หารกันเหลือคนละ 150 ผมเก็บอีก 150 ไว้กินข้าวสบายๆ
         6.ถ้าจะเที่ยวให้สนุก บางทีเจอค่าธรรมเนียมอะไร ก็จ่ายๆ ให้จบๆ ไปเนอะ คิดเสียว่าไม่ต้องมาหัวเสียกับเรื่องบ้าๆ บอๆ เช่น นั่งสองแถวแดงเชียงใหม่ ปกติ 20 บาท แต่วันนั้นนั่งไกลออกมาอีกนิด โดนเก็บ 30 บาท แล้วก็มาเครียด มานั่งพิมพ์ด่าในโลกออนไลน์ แบบนั้นมันจะทำให้เราเที่ยวไม่สนุก ยังไงลองปล่อยวางเสียบ้าง คิดซะว่าเป็นค่าที่เรามาใช้ทรัพยากรจังหวัดเขาละกัน อย่าลืมว่า เรามาเที่ยว มาทิ้งสิ่งปฏิกูล มาใช้ทรัพยากรบ้านเขาแล้วเราก็กลับ ส่วนพวกเขายังต้องอยู่ที่นั่นตลอดชีวิต
          7.ข้อนี้ สำคัญมาก คือ ผมกำลังสงสัยตัวเองว่า พิมพ์เยอะแยะอะไรมากมาย เสือกเรื่องของคนอื่นแท้ๆ ง่วงแล้วหยุดเสือก นอนดีกว่าเนอะ
          สรุปแล้วผมมองว่า จะเที่ยวไหน งบเท่าไร นอนไหน กินยังไงก็แล้วแต่ ขอให้วางแผนไว้ก่อน ทำให้การเดินทางของเรามีทิศทาง เราจะได้มุ่งหน้าถูกว่าต้องไปทางไหน อย่างน้อยเมื่อถึงสี่แยกเราจะได้เลี้ยวถูก ไม่ใช่วา่าสุ่มสี่สุ่มห้าเลี้ยวมั่วๆ ไปผิดทางขึ้นมาเสียเวลาเสียเงินโดยใช่เหตุนะเออ 


iSSAMEe
12 ต.ค. 2558


วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นครศรี มีสองธรรม หนึ่งธรรมะ หนึ่งธรรมชาติ EP 3 วัดมหาธาตุ อ้อมกอดแห่งศาสนา พลังศรัทธา นำพาให้มาเยือน





          
          ารเดินทางขากลับเรายังคงใช้สองแถว ในราคา 15 บาทเช่นเคย นับว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับระยะทาง ขากลับเรามาลงรถที่สถานีรถไฟก่อนที่จะเดินกลับโรงแรมเพื่ออาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปวัดพระธาตุ ซึ่งตอนนั้นเลย 16.30 มาแล้ว คือถ้าเลยเวลานี้จะไม่สามารถขึ้นไปบนพระธาตุได้ แต่ผมเคยขึ้นมาสองครั้งแล้ว ประกอบกับปีหน้าก็มีแพลนพาแม่ไปอีก ก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรนัก เพราะที่ตั้งใจจริงๆอยากไปถ่ายรูปวัดพระธาตุตอนกลางคืนมากกว่า นั่นคือเป้าหมายหลัก
          หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็เดินออกไปที่ท่าวังแล้วชั่งใจว่า รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือ สองแถวดี คิดไปคิดว่า เลือกเดินครับ ใช่แล้วครับ เดิน เดินอีกแล้ว 4 กิโลเมตร เหมือนครั้งก่อนที่ผมเคยเดินมาแล้ว แต่ครั้งนี้สบายกว่าตรงที่เรารู้ทางแล้วแถมยังไม่มีแดดเหมือนครั้งก่อนด้วยเนื่องจากตอนนี้เวลาก็หกโมงกว่าแล้ว ผมใช้เวลาเดินจากท่าวัง ผ่านเทศบาล ผ่าสถานีตำรวจ โรงเรียนกัลยาณีฯ ผ่านกำแพงเมืองเก่า ผ่านศาล มาจนถึงหน้าวัดได้ ตอนนั้นโล่งมากๆ ที่อย่างน้อยเขาอนุญาตให้เข้าไปถ่ายรูปได้(ตอนแรกไม่มั่นใจว่าเข้าได้ไหม) 
          สิ่งที่เห็นน่ะเหรอครับ คือความสวยงาม แสงไฟสีเหลืองส้ม สาดส่องกับประติมากรรมอันอ่อนช้อยแบบศาสนาพุทธ ตัดกับองค์พระธาตุสีขาวสะอาดสูงเด่นเป็นสง่า ทำให้ผมลืมความเหนื่อยไปเสียทั้งหมด ผมถ่ายรูปมากมายที่นี่แต่ด้วยสมรรถนะของกล้อง รูปเลยใช้ได้จริงๆ ไม่กี่รูปเท่านั้น แต่ก็เอาเถอะอย่างไรแล้วสายตาเราได้มาเห็นของจริง ในวันนี้ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมชื่นชอบไปกว่านี้อีกแล้ว แล้วเราจะกลับไปใหม่ๆ อย่างบ่อยๆ ครับ


iSSAMEe
7 ต.ค. 2558

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นครศรี มีสองธรรม หนึ่งธรรมะ หนึ่งธรรมชาติ EP 2 บ้านคีรีวง อ้อมกอดแห่งขุนเขาแดนใต้









          อิ่มอร่อยจากขนมจีนป้าเขียว ผมก็ขี้รถมาที่น้ำตกท่าหา ในเขตบ้านคีรีวงครับ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปที่สะพานคีรีวงมาด้วย ตอนนี้ที่นี่คือแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวคนไหนมาก็ต้องมาแวะถ่ายรูปกันซะแทบทุกกลุ่ม ผมเองก็เช่นกัน แนะนำสำหรับคนที่อยากมาถ่ายรูปสะพานนี้ต้องมาตอนเช้านะครับ เพราะแสงจะตกลงฝั่งที่เราต้องการพอดี ภาพจะสวยกว่าถ่ายจากตอนบ่ายครับ (ของผมก็ถ่ายตอนบ่าย ย้อนแสงนิดหน่อย)

          เสร็จจากตรงนี้เราก็เข้าไปที่น้ำตกท่าหา ที่นี่น้ำตกไม่แรงมาก แต่น้ำเยอะเหมาะสำหรับเล่นน้ำกับกลุ่มเพื่อนๆ แต่น่าเสียดายที่ผมลืมเอาชุดไปเปลี่ยน ไม่งั้นล่ะ เล่นน้ำสนุกแน่ๆ น้ำเย็นเจี๊ยบเลยล่ะครับ สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็คือถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ตามที่ใจอยากจะถ่าย แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมเจอทุกทริปเวลาไปเที่ยวคือ สายฝน ทริปนี้มีโอกาสได้ขี่มอไซค์ตากฝนอีกแล้ว แม้จะสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้สถิติการท่องเที่ยวทุกครั้งของผม ต้องเจอ ฝน ต้องตากฝน ยังคงอยู่ต่อไปครับ ฮ่าๆๆๆ  

iSSAMEe
6 ต.ค. 2558

นครศรี มีสองธรรม หนึ่งธรรมะ หนึ่งธรรมชาติ EP 1 ขนมจีนป้าเขียว

          ลังจากพักผ่อนเก็บข้าวเก็บของ ทานอาหารเช้าแล้ว ผมก็ออกเดินทางไปยังบ้านปิ๊ก เพื่อนสมัยเรียนรามฯ เพื่อให้ปิ๊กพาไปเที่ยวบ้านคีรีวง การเดินทางไปบ้านเพื่อนนั้นผมใช้สองแถวสาย นคร ลานสกาใน เพียง 20 นาทีก็มาถึง ราคาค่ารถ 15 บาทเท่านั้น ก็ทักทาย ตามประสาเพื่อนที่ไม่เจอกันาน ทักทายแม่ปิ๊กด้วย ก่อนที่จะแว้นซ์มอไซกันออกไปหาอะไรกิน เป็นร้านขนมจีนป้าเขียว ที่บ้านคีรีวงครับ ร้านนี้ร้านดังของคีรีวงเลย ออกทีวีด้วย ราคาถูกเหลือเชื่อ ขนมจีนกิโลละ 130 บาท แต่ตักผักและน้ำยาเท่าไรก็ได้เอาให้อิ่ม มีน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ไตปลา และน้ำพริก แต่ผมมาแค่สองคน ซื้อขนมจีนแต่ครึ่งโล 65 บาท ใครจะซื้อไข่ต้มหรือไก่ทอดเพิ่ม ก็อร่อยดีเหมือนกัน สรุปแล้วมื้อนี้ถ้าไม่นับไก่ทอดของผมก็แค่ 65 บาท หารสอง คนละประมาณ 33 บาทเท่านั้นเอง บรรยากาศร้านก็ดี เป็นสวนๆ รสชาติก็ดี โดยส่วนตัวชอบไตปลาของร้านนี้ครับ มีกลิ่นไตปลาหอมมากๆ ในกรุงเทพหาทานยากสุดๆ ยังไงไปคีรีวงคราวหน้าผมสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต้องไม่พลาดครับ 

iSSAMEe
5 ต.ค. 2558

นครศรี มีสองธรรม หนึ่งธรรมะ หนึ่งธรรมชาติ EP 0 การเดินทางเริ่มต้นที่นี่









        ารเดินทางมานครศรีธรรมราชรอบนี้ เรายังคงใช้บริการจากแอร์เอเชียเหมือนเดิม ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ นอกเสียจากก่อนเครื่องทำการออกจากสนามบินดอนเมืองฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก จนผมคิดว่าเครื่องบินอาจจะไม่สามารถออกได้ในตอนนี้ แต่ไม่นานกัปตันก็ประกาศให้ทุกท่านเตรียมพร้อมประจำที่สำหรับการเทคอออฟ วันนี้เราใช้รันเวย์ฝั่งกองบิน๖
         นี่คือครั้งแรกของผมกับรันเวย์ฝั่งนี้ ขณะที่สายฝนก็ยังตกลงมาอย่างหนัก ทันทีที่เครื่องเชิดหัวขึ้นล้อลอยจากพื้น เครื่องบินก็เดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อไต่ระดับ แต่ระหว่างนั้นเครื่องบินเหมือนกับม้าพยศที่กระแทกพอให้หัวสั่นอยู่เป็นระยะ สร้างความตื่นเต้นให้ผมเล็กน้อย แต่ก็ยังเชื่อมันในความปลอดภัยอยู่ ไม่ได้วิตกอะไรมากมาย กระทั่งได้ระดับที่เหมาะสมแล้วฟ้าก็กลายเป็นสีฟ้าอีกครั้งหลังจากที่ผมเห็นเป็นสีดำมาตลอดเช้านี้ อากาศด้านบนดีกว่าข้างล่างเยอะมากครับ เครื่องบินของเราวันนี้ใช้เส้นทางบินเลาะชายฝั่งภาคตะวันออกมาเรื่อยๆ ผมมองเห็นเกาะล้าน เห็นหาดพัทยาอยู่ไกลๆ ก่อนที่จะบินตัดอ่าวไทย มาขึ้นฝั่งที่แหลมตะลุมพุก ก่อนจะแลนดิ้งลงสู่สนามบินนครศรีธรรมราชอย่างปลอดภัย
          เราจะเริ่มนับ 0 การเดินทางทริปนครศรีธรรมราชกันที่นี่นะครับ หลังจากนี้ผมก็หารถแทกซี่เข้าเมืองคอน โชคดีมากๆ ที่เจอพี่สาวเจ้าถิ่นคนหนึ่งกำลังต่อรองกับแทกซี่พอดี ผมเลยถามเธอว่าจะลงที่ไหน โชคดีที่จุดหมายของเธอใกล้ๆ กับที่ๆ ผมจะไป ผมเลยชวนเธอนั่งไปพร้อมกันเพื่อหารค่ารถ ประหัดไปได้อีก 150 บาท นับว่าเป็นการเปิดทริปที่ดีเลยล่ะ 

iSSAMEe
5 ต.ค. 2558                  

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

RICE BAGA กล้าแหกทุกกฎของเบอร์เกอร์




            แปลก แหวก แหกทุกกฎของเบอร์เกอร์ ที่ปกติแล้วเบอร์เกอร์จะต้องมีแผ่นขนมปังหรืออื่นๆ ประกบสองฝั่งบนและล่าง แต่สำหรับร้าน Rice Baga แล้ว เขาเน้นเนื้อล้นๆ วางบนข้าวญี่ปุ่น แต่ละเมนูถูกปรุงรสและตกแต่งอย่างพิถีพิทัน มุมของรสชาติก็อร่อยจนต้องบอกต่อ มุมของความสวยงามก็เลิศจนต้องขอถ่ายรูปก่อนกิน ที่สำคัญราคาย่อมเยาเสียด้วย ใครชอบชิมอะไรใหม่ๆ แนะนำว่าอย่าพลาดครับ^^

iSSAMEe
1 ต.ค. 58