วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559
Spirit of Asean งานใต้ร่มพระบารมี 234 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
สิ่งที่แสดงถึงตัวตนและจิตวิญญาณของผู้คนแต่ละประเทศในอาเซียนเหล่านี้ ดูจะเป็นสื่งที่กูความรู็สึกผมกลับมาได้บ้างกับงานนี้
iSSAMEe
27 เม.ย. 2559
วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559
อุโมงค์ว่าว งานใต้ร่มพระบารมี 234 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
เป็นอีกงานที่รู้สึกเหมือนโดนหลอกให้มา การจัดนิทรรศการที่ไม่โอเคยเสียเลย ทุกอย่างดูประหยัดงบ แต่ยังดีที่มีแอร์ให้คลายความร้อนในท้องสนามหลวงได้
iSSAMEe
27 เม.ย. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน เยือกเย็นสดใส เหมือนน้ำแม่ปิง
ใฃ้เวลาไม่นานหลังจากนั่งรถตู้จากลำพูน เราก็มาถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด มีน้องบางคนในกลุ่มต้องการช้อปปิ้งกระเป๋าเป้ เพราะใบเก่ากำลังจะขาดในไม่ช้านี้แล้ว ทำให้การมาเชียงใหม่ครั้งนี้ของผมต้องเดินกาดหลวงไปโดยปริยาย
บรรยากาศในตลาดไม่แตกต่างจากที่ผมเคยเดินเมื่อหลายปีที่แล้วมากสักเท่าไรนัก ราคาสินค้าก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ ไม่แพงเวอร์หมือนที่หลายๆคนขู่ผมไว้ แบรนด์แหนม หมูยอ อะไรต่างๆก็เป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี และต่างก็ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติ มีบางคนได้กระเป่า บางคนได้เสื้อ บางคนได้แคปหมู บางคนได้อะไรไม่รู้ผมจำไม่ได้ แต่บางคนไม่ได้อะไรเลย เช่นผม เป็นต้น
เสร็จจากภารกิจตรงนี้เราเดินทางกลับโรงแรมด้วยรถสองแถมแดง ตลอดทางโดนน่้ำเย็นสาดพอให้ตกใจเป็นระยะๆ แม้จะปิดหน้าต่างด้านข้าง แต่ด้านหลังรถก็เป็นช่องใหญ่พอที่จะให้เหล่าวัยรุ่นคนเมืองสาดน้ำแข็งเข้ามาโจมตีพวกเราได้ ซึ่งในที่สุดเราก็เดินทางถึงโรงแรมจนได้ ถึงเวลาที่เราจะต้องพักผ่อน ก่อนจะออกไปหามื้อเย็นกิน
มื้อเย็นวันนี้จะเป็นมื้อเย็นสุดท้ายที่เรากินที่เชียงใหม่ในทริปนี้ เราเลือกกินอาหารพื้นเมือง สถานที่กินก็พื้นห้องในโรงแรมนี่แหละ ไก่ทอดร้อนๆหนังกรอบ น้ำพริกหนุ่มที่ให้อรรถรถพริก10เม็ดได้เป็นอย่างดี น้ำพริกอ่องรสเปรี่ยวกำลังโดนใจ ใสปากตามด้วยข้าวเหนียวนุ่ม อุ่นๆ ทำให้มื้อนี้พวกเราเจริญอาหารกันเป็นพิเศษ ผมเองเล่นข้าวเหนียวไปห่อครึ่ง ขโมยของน้องมากินครึ่งนึง อร่อยดีเนอะมื้อนี้ นานๆได้จกอาหารร่วมกันสักที....
iSSAMEe
27 เม.ย. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน แดนดินถิ่นลำพูน นครบุญแดนล้านนา
เสร็จจากเที่ยวสถานีรถไฟขุนตาน
พวกเราขึ้นรถไฟกลับมายังสถานีลำพูนด้วยค่าโดยสารเพียง 10 บาท
เมื่อถึงสถานีลำพูนเราก็เดินตากแดดจากสถานีลำพูนเพื่อมาที่ถนนใหญ่ เพื่อหารถสองแถว
หรือรถตู้ เพื่อเดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุหริภุญชัย เพื่อจะได้ไปสักการะองค์พระธาตุ(โดยส่วนตัวผมไปมาหลายครั้งแล้ว
แต่มีน้องๆในกลุ่มอยากไป ก็เลยตั้งใจว่าอยากพาน้องไป)
เมื่อถึงวัดพระธาตุหริภญชัย
เราลงจากรถสองแถว จ่ายคนรถ 12 หรือ 15 บาทนี่แหละ
ผมก็จำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เรานั่งรถเลยป้าย ต้องเดินฝ่าแสงแดดย้อนกลับมาไกลพอสมควร
เมื่อถึงวัดพวกเราเลือกที่จะเติมพลังด้วยก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูตุ๋นลำไย
และเฉาก๊วยหน้าวัดก่อนเลย มาทีไรก็จะเป็นอาหารหลักและอาหารหวานแบบนี้ทุกครั้ง
ซึ่งราคาและรสชาติบอกได้เลยว่า ดีงามมากๆ
เมื่อหนังท้องตึงก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกรายสักการะบูชาองค์พระธาตุกันแล้ว
วันนี้แดดร้อนมากการสักการะของพวกเราอาจจะไม่เต็มรูปแบบนักแต่ก็มาด้วยหัวใจที่ศรัทธาอย่างแท้จริง
เมื่อทุกคนสักการะองค์พระธาตุเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกมาด้านหลังวัด
เพื่อหารถตู็กลับเมืองเชียงใหม่ วันนี้รถตู้ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก
เนื่องจากวิ่งสายนอก(เลียบทางรถไฟ)
เพราะว่าเส้นต้นยางมีการเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ทำให้พี่โชเฟอร์ไม่เสียงกับรถติด และที่สำคัญมีพะวกเราเพียง
4 คนอยู่บนรถ ราวกับว่าได้เหมารถกันเลยทีเดียว
รถตู้มาส่งเราที่ริมแม่น้ำปิง
ฝั่งตรงข้ามกาดหลวง บอกให้พวกเราข้ามสะพานไปเอง
แต่บังเอิญว่าสะพานนี้มีทางขึ้นเพียงฝั่งเดียว ใครจะลงฝั่งกาดหลวง ต้องปีนลงเอา
และแน่นอนพวกเราทุกคนต้องปีน
นับว่าเป้นประสบการณ์กะเหรี่ยงกลางเมืองเชียงใหม่ที่น่าประทับใจเหลือเกิน
แถมมีลูกทัวร์ของผมได้เลือดจากการปีนครั้งนี้อีกด้วย
iSSAMEe
21 เม.ย. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน อ้ายบ่าวจาวดอย มายืนท่าคอยใจกึดเติ่งหาไผ
หลังจากเราฝ่าฟันความร้อนมาเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็มาถึงสถานีรถไฟขุนตาน สถานีรถไฟแห่งนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดในประเทศ(สูงกว่าสถานีอื่นๆทั้งหมด) และเป็นที่ตั้งของอุโมงค์รถไฟขุนตาน อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศด้วยเช่นกัน ผมจำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้ แต่ยาวประมาณ 1 กิโลกว่าๆ
เรามีเวลาที่นี่ไม่มากนัก เพราะขบวนรถที่เราต้องกลับลำพูน สวนเข้ามาพอดี จึงทำให้รูปภาพที่ได้ ดูไม่มีความปรานีตในการลงรายละเอียดมากนัก แต่ก็ยังดี ที่ครั้งหนึ่ง มีโอกาสได้มาเหยียบสถานีรถไฟที่มีความสวยงาม โดเด่น และแตกต่างอย่างนี้
iSSAMEe
21 เม.ย. 2559
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์
ชาวเชียงใหม่ และนักท่องเที่ยว ร่วมลากพระพุทธสิหิงค์ไปยังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ |
วัดพันเตา |
ภายในอุโบสถ วัดเจดีย์หลวง |
ในงานวันนั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเชียงใหม่มาร่วมงานมากมาย ทั้งระดับผู้ว่า และผู้มีเชื้อสายเจ้า แห่งนครเชียงใหม่ในอดีต เท่าที่ดูๆ ท่านก็มีอายุเยอะพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังมีวัยรุ่นที่รู้ว่าท่านเป็นใครไปขอเซลฟี่ด้วยอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากอาราธนาพระพุทธสิหิงค์ขึ้นบนบุษบกเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการสรงน้ำจากบุคคลสำคัญตามลำดับ ก่อนที่ประชาชนกระสรงน้ำด้วยวิธีสาดน้ำขึ้นไปยังองค์พระ ภาพที่เห็นไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าไม่สุภาพแม้แต่น้อย แต่มันแสดงถึงควาสวยงามทางวัฒนธรรมที่โบกสะบัด สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งแผ่นดินขวานทองในช่วงเวลานี้
หลังจากสรงน้ำกันพอประมาณ ก็จะมีการลากบุษบกไปยังตามเส้นทาง เพื่อไปยังปลายทางที่กำหนด ชาวบ้านร้านตลาด นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติก็จะเข้ามาช่วยทำการลากบุษบกนี้ไปตามเส้นทาง ระหว่างทางก็จะมีผู้คนออกมาสรง(สาด) น้ำพระพุทธสิหิงค์เป็นระยะ
พวกเราใช้วิธีเดินตามขบวนแห่ไปเรื่อยๆ แต่ไปแยกกับขบวนที่วัดพันเตา เพื่อเที่ยวชมวัดอีกสองแห่งคือ วัดพันเตา และวัดเจดีย์หลวง ถึงตอนนี้ พวกเราเริ่มหมดพลังกันบ้างแล้วเพราะอากาศร้อนมาก ร่างกายต้องการน้ำแบบด่วนๆ ก็ได้ 7-11 นี่แหละเป็นที่พึ่ง ก่อนที่พวกเราจะแวะเติมพลังกันที่ร้านข้าวมันไก่สามกษัตริย์ ร้านที่ว่ากันว่าอร่อยนักหนา แต่วันนั้นกินแล้วรู้สึกเฉยมาก และที่สำคัญยังยกเลิกขายข้าวมันไก่แบบจานเดี่ยวในช่วงเทศกาลอีก คือ อัลลัยยย์ บังคับกินแบบจาน ไกสับ แพงๆ เห้อ....
กินเสร็จสรรพ ก้จัดแจงโบกรถแดง กลับห้องพัก รถก็มาเลยถึงสองรอบ กรรมหนอกรรม คนยิ่งร้อนๆ ลูกทัวร์ก็ออกอาการหงุดหงิด แต่ก็นะ นี่มันเที่ยวนะเห้ย ไม่ได้มานอนเฉยๆ
** ระหว่างทางเดินจาก ถนนเส้นหน้าวัดเจดีย์หลวง ผ่านวัดพันเตา ผ่านสี่แยก มุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จะมีวอลอาร์ตขนาดใหญ่ ซ่อนตัวอยู่ เพื่อนๆ สามารถแวะไปถ่ายรูปคู่ได้นะครับ
iSSAMEe
20 เม.ย. 2559
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน อิน้องคนงามกิ๋นข้าวแลงแล้วกาาา
เชียงใหม่วันแรกของพวกเรา ถือว่ามืด 8 ด้าน มืดเพราะไม่รู้จะไปไหนดี ที่ๆ ควรไปในตัวเมืองเราก็เคยไปกันมาหมดแล้ว ดังนั้นเวลาในวันแรกของพวกเราดูจะหมดไปกับการกินข้าวซอยข้างโรงแรม และการนอนตากแอร์อยู่ในห้องมากกว่า
กระทั่งถึงช่วงมื้อเย็น มีน้องๆ ในกลุ่มบางคนเกิดอยากช้อปปิ้งซื้อสินค้ากันขึ้นมา เราจึงเดินไปยังกาดรินคำข้างๆ ห้างเมญ่า เพื่อหาซื้อสิ่งของที่น้องๆ ต้องการและตกลงกันว่าจะกินมื้อเย็นกันที่นั่นเสียเลย ซึ่งสุดท้ายทุกคนต้องผิดหวังไปตามๆ กันกับรสชาติที่ไม่ถูกปากของอาหารตามสั่งร้านที่ไปนั่งกิน
แต่ก็เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นการเติมพลังงานรอบสุดท้ายของวัน ก่อนที่จะตั้งใจว่าขอพักผ่อนให้เต็มที่ หวังว่าตื่นเช้ามาวันใหม่จะสดใสดั่งวิ่งเล่นท่ามกลางทุ่นลาเวนเดอร์ .... แต่แล้วเราก็นอนกันเกือบเที่ยงคืนตีหนึงจนได้ ...ไหนล่ะทีั่ว่าจะพักผ่อน
iSSAMEe
18 เม.ย. 2559
วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559
ทริป...ประเวณีปี๋ใหม่เมือง 720 ปี นครพิงค์เชียงใหม่ ... ตอน ทางรถไฟสายเหนือ
ทางรถไฟสายเหนือ ิช่วงผ่านแก่งหลวง ไฮไลท์ของทางรถไฟไปเชียงใหม่ |
ขบวนรถไฟมุดเข้าอุโมงค์ขุนตาน |
สะพานรถไฟ ทาชมภู จ.ลำพูน |
ภายในรถนอนปรับอากาศชั้นสอง |
ห่างหายไปนาน นี่คือการกลับมาเขียนบล๊อคท่องเที่ยวครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์เลยครับ กลับมาครั้งนี้ผมก็มีเรื่องราวการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ที่เชียงใหม่มาฝากกัน จะเป็นยังไงนั้น ตามมาเลยครับ
เริ่มแรกทริปนี้ ผมกับน้องในกลุ่มที่ชอบรถไฟคนนึงนัดกันไป สองคนครับ จนกระทั่ง มีลูกทีมเพิ่มมาอีก 1 และอีก 1 รวมเป็นทั้งหมด 4 คนครับ ทำให้ทริปนี้ของเรามีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น การเดินทางขาไปของพวกเ้รานั้น แบ่งออกเป็นสองทีม เพื่อความสะดวก และตอบรับเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคน ก็ลงตัวที่ ไปรถไฟรอบ 19.35 สองคน รอบ 22.00 สองคน ผมได้ไปรอบ 22.00 ครับ กลับน้องอีกคนเป็นน้องเล็กของทีม
22.00 รถไฟเคลื่อนออกจากสถานีกรุงเทพ พนักงานรีบปูเตียงเพื่อให้พวกเราเข้านอนในทันที แต่กว่าผมและน้องจะนอนก็ปาไปเที่ยงคืนตีหนึ่งแหละครับ นานๆทีจะได้นั่งรถไฟระยะทางไกล ผมก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดา
ตลอดทั้งคืนผมหลับสนิท มาตื่นอีกทีตอนที่ได้ยินพนักงานเรียกผู้โดยสารเตียงด้านบนของผมให้ตื่นเพื่อลงที่สถานีพิชัย ตอนนั้นผมเองก็ไม่อยากตื่นหรอก แต่เป้นคนที่ถ้่าตื่นแล้วจะหลับยาก ก็เลยขึ้นมานั่งดูวิว คุยกับน้องไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีศิลาอาสน์ ที่นี่รถไฟจอดนานพอสมควรครับล ผมได้มีโอกาสออกไปยืดเส้นยืดสายด้านล่าง สูดออกซิเจนเสียทีหลังจากที่ต้องสูดแต่แอร์คอนดิชั่นมาตั้งนาน ฮ่าๆๆ
หลังจากสถานีนี้ไป รถก็จอดที่ เด่นชัย บ้านปิน ตรงช่วงก่อนเข้าบ้านปินนี่แหละ รถจะผ่านหน้าผาสวยงามด้านล่างเป็นแม่น้ำยม ทำให้ที่นี่กลายเ้ป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของทางรถไฟสายเหนือเลยทีเดียว แต่เมื่อมาถึงตรงนี้ท้องผมเริ่มหิวแล้ว ก็เลยสั่งกาแฟร้อนมาจิบเสียหน่อย ซึ่งก็พบว่าราคาแพงจัง แก้วละตั้ง 30 บาท จากปกติซองละ 5 บาท บวกแพงเกิ๊น ตอนนั้นนั่งนับไๆม้หมอนรอให้รถถึงสถานีนครลำปางเสียที เพราะที่นั่นมีไส้อั่วคุณป้าท่านนึงขายอยู่ ผมตั้งเป้าหมายอย่างแน่ชัดว่าต้องกินให้ได้
สมใจนึกครับ ถึงลำปางแล้วผมได้กินไส้อั่วกัะบข้าวเหนียวอุ่นๆ สมใจหมาย หลังจากนี้รถไฟจะผ่านช่วงที่สูงและชันที่สุดของทางรถไฟแห่งประเทศนี้ รถจักรต้องทำการพ่วงพหุ หรือ 2 ตัวต่อไปเพื่อช่วยกันลาดตู้โดยสารขึ้นยังดอยขุนตาน เพื่อเข้าสู่จังหวัดลำพูนและเชียงใหม่พฃต่อไป
อุโมงค์ขุนตาน ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อจังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน แต่ตัะวสถานีนั้นจะอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน อุโมงค์แห่งนี้มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย(รึเปล่าผมกำลังสับสนกับอุโมงค์พระพุทธฉาย) แต่ที่แน่ๆ ที่นคือคือที่ตั้งของสถานีรถไฟและอุโมงค์รถไฟที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ออกจากดอยขุนตาน รถก็วิ่งทางลาดลงมาเรื่อยๆ จนถึงสะพานทาชมภู สะพานรถไฟที่ถือว่าเป็นพระเอกของสายเหนือเลยก้ว่าได้ ตัวสะพานคอนกรีตสีขาว อยู่หัวโค้งพอดี ที่นี่จึงเป็นสะพานธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา เป็นแหล่งเช็คอินถ่ายรูปของใครกหลายๆคน ถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่ก็มีมาแล้วนะเออ
** ทริคดีๆ ที่ต้องจำ ... การขึ้นรถแดงที่สถานีเชียงใหม่ คุณอย่ามัวแต่ลอยชาย เพราะถ้ามัวแต่เรื่อยเปื่อย จนรถแดงขนคนไปหมดแล้ว คุณจะต้อง เหมา หรือ จ่ายค่ารถแดงในราคาที่สุงกว่าปกติ เพราะเนื่องจากคุณจะต้องออกจากสถานีเชียงใหม่เพียง 2-3 คน ค่ารถต่อคนจะแพงมาก ดังนั้นรีบไปให้ทันชาวบ้านชาวเมือง แล้วจ่ายถูกลง น่าจะดีกว่า แต่เว้นว่าถ้ามากันกลุ่มใหญ่ๆ 5-10 คน แบบนี้ก็เต็มที่ไปเลยจ้า
iSSAMEe
17 เม.ย. 2559
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)