เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ท่ามกลางความมึนเมา โทรมาบอกว่าเห้ยตีห้าแล้ว ตื่นได้แล้วโว้ยยยย ผมก็ตาสว่างเกือบจะทันที แต่ก็นอนอิดออดอีกนิดหน่อย ก่อนจะโทรตามเพื่อนๆที่นอนในห้องอื่นๆ ณ จุดนี้ มีเรื่องฮานิดนึง เนื่องจากเพื่อนผมนอนอยู่ห้อง 315 แต่ผมดันโทรไปปลุกห้อง 615 เสียงตอบกลับมาจากห้ิองนี้ฟังๆดูแล้ว อายุไม่ต่ำกว่า 55 แน่นอน คือแบบว่าเอิ่ม!! ตรูโทรผิดห้องซินะ รีบวางอย่างไว ... ป่วยจิตแต่เช้า
หลังจากที่เราอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ก็ลงมาข้างล่าง ซึ่งคนขับรถปิคอัพ ชื่อลุงอดุลย์ ก็มารออยู่แล้ว พร้อมกับรถปิคอัพ เครื่องปี 2536 เฟร็ดเฟร่ ตอนแรกก็มองหารถใหญ่เลย ไม่คิดว่าจะเป็นคันนี้ เก่าโคตรๆ แถมระหว่างทางลุงให้ info ที่แบบว่า เป็นประโยชน์ทั้งนั้น เช่น วีคก่อน รถพิ่งโดนชนมา หรือผมถามลุงไปว่า ลุงขับคันนี้ขึ้นดอยบ่อยมั้ย (ผมต้องการเมคชัวร์ว่าเราจะรอดกันจริงๆ เพราะรถเก่ามาก) ปรากฎว่าลุงแกตอบกลับมาว่า ไม่บ่อย คันนี้ไม่ค่อยได้มา .... ตอนนั้นเริ่มอุทานเบาๆคนเดียวละว่า เช็ดเขร้้้้!!!!!....
บอกตรงๆว่า ตลอดระยะทางกว่า 100 km. จากเชียงใหม่ มายอดดอยอินทนนท์ ผ่านอำเภอแล้วอำเภอเล่า ผมนั่งกังวลมาตลอดทางงว่าเพื่อนๆ จะโอเคมั้ย รถก็เก่า ไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อน นึกแล้วก็มะโนเรื่องราวไป 108
แต่ปรากฎว่า เมื่อมาถึงยอดดอยแล้ว เพื่อนๆ ผมดูเอ็นจอยกับการเช็คอิน ถ่ายรูปที่ระลึกกันอย่างมากผมก็เลยรู้สึกว่าโล่งใจไปอีก 1 เปราะ นึกว่าจะโดนวีนโดนเหวี่ยงซะแล้ว ฮ่าๆๆ
เที่ยวไปเที่ยวมาก็รเเริ่มรู้สึกหิว เดินถ่ายรูปไป ท้องร้องแข่งกันไป น่าอายเป็นอย่างยิ่ง
ข้อดีของการมาเที่ยวดอยอินทนนท์ในช่วงหน้าร้อนก็คือ แสงสวยมาก ถ่ายรูปออกมาถ้ามุมได้รับรองว่ากล้องอะไรก็สวย สีเขียวของต้นไม้ตัดกับสีฟ้าเข้มของท้องฟ้า ทำเอาผมรู้สึกหลงไหลยอดดอยอินทนนท์ในช่วงหน้าร้อนซะแล้วล่ะครับ
พวกเราทั้ง 6 คน เดินถ่ายรูปได้ซักพัก ก็ลงมาทานข้าวตรงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอนอินทนนท์ ราคาก็พอรับได้ไม่แพงเวอร์ รสชาติก็ดี เอ๊ะ หรือหิวก็ไม่รู็แหะๆๆๆ
พระธาตุนภพลภูมิศิรี กับ พระธาตุนภเมทณีดล |
ซื้อของเสร็จ ทานข้าวเสร็จ เราก็ลงจากดอย แวะไหว้พระธาตุจอมทองอีก 1 ที่ ก่อนจะเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ ตอนนั้นเริ่มเซงๆเหนื่อยๆ กลัวเพื่อนๆ เบื่อ เราในฐานะคนนำทางก็คิดมากไปเรื่อยเปื่อย แต่สุดท้ายแล้ว เห็นเพื่อนๆเอ็นจอย ผมก็สบายใจครับ
กลับเข้าถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ลุงอดุลย์พาเราแวะไหว้พระ แวะชมความสวยงามของอุโบสถในวัดโลกโมฬี ตอนแรงบ่องตงว่าขี้เกียจจะแวะ เพราะเหนื่อยฉิบ แต่พอได้แวะแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวัง สมกับเวลาที่เสียไปแน่นอนครับ จากนั้นก็มาแวะกินข้าวกัน บางคนเลือกกินข้าวซอย บางคนเลือกกินตามสั่ง ซึ่งข้าวซอยที่นี่ได้ยินรีวิวจากเพื่อนร่วมทริปว่ารสชาติห่างกับร้านที่มากินร้านแรกข้างๆ รร. หลายขุมอยู่ ทำเอาคนที่สั่งแล้วไม่ได้ ดีใจกันไป กลับไจไปกินข้าวขาหมูยังทัน 555
วัดโลกโมฬี กลางเมืองเชียงใหม่ |
เสร็จจากการทานอาหาร ลุงก็มารับเราไปส่งที่สนามบิน ไปถึงก็นั่งกินโน่นกินนี่กันไป รอเครื่องมารับเราตอน 22.40 น. ระหว่างนั้นบ้างก็อ่านหนังสือ บ้างก็สับปะหงก บ้างทำไรไปเรื่อยเปื่อย ส่วนตัวผมเอง เช่นเคย เข้าห้องน้ำปลดทุกข์ 555 เป็นอย่างนี้ตลอดซินะ เวลาเดินทาง แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ สนามบินเชียงใหม่ ห้องน้ำสะอาดและมีที่ฉีด ไม่เหมือนสุวรรณภูมิ อันนั้นทิชชู่อย่างเดียวจ้า
22.40 น. ช่วงเวลาของการเดินทางก็มาถึง ผมขึ้นเครื่องบินมาหลายครั้ง แต่นี่เป้นครั้งแรกที่นั่งตอนกลางคืน บรรยากาศก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ แสงไฟวิบวับ สวยดี โดยเฉพาะไฟบนรันเวย์ อันนี้บอกได้เลยว่าสวยงามมากก แต่ตอนอยู่กลางอากาศ ผมกลับรู้สึกอัดอัดอย่างบอกไม่ถูก เพราะมองไปข้างนอกก็ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ดีนะว่าบินไม่นาน กำลังคิดว่าถ้าไปต่างประเทศต้องบินกลางคืนจะทำยังไงดีเนี่ย
บินได้ไม่นาน กัปตันก็แจ้งว่า อีก 20 นาที ผมก็จะถึงดอนเมืองแล้ว นั่นก็หมายความว่าช่วงเวลาแห่งความสนุกของเราจะหมดแล้วเช่นกัน ซึ่งผมและเพื่อนๆทั้ง 6 ทำได้เพียงแค่ เก็บความทรงจำไว้ในกล้องถ่ายรูปและในความคิดเท่าที่พอจะนึกได้เท่านั้นเอง
แล้วเจอกันใหม่นะเชียงใหม่
iSSAMEe
รีวิวซะละเอียดเลยนะครับ แหมขนาดรายละเอียดห้องน้ำสนามบินยังบอก ฮ่าๆๆ
ตอบลบขอบคุณมากครับ ^^)b
เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนไปแถวเชียงใหม่ ลำพูนครับ
ตอบลบฮ่าๆๆ
ลบ