วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รุ้งกินน้ำของผม

รูปจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nangnoi&month=12-2009&date=22&group=2&gblog=1


          สมัยเด็กๆ ผมเคยได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับรุ้งกินน้ำมาบ้างครับ บางคนก็บอกว่าถ้าหาทางขึ้นเจอ เราก็จะได้ไปสวรรค์ บางคนบอกว่า ถ้าชี้นิ้ว นิ้วเราจะกุด ฮ่าๆๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราจะรู้ครับว่าเรื่องราวต่างๆของรุ้งกินน้ำนั้น เป็นแค่เรื่องราวโกหก ที่เราได้รับรู้จากการบอกเล่าของผู้ใหญ่เท่านั้น
          แต่นอกเหนือจากเรื่องราวหลอกเด็กพี่ผู้ใหญคอยยัดเยียดผมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นว่าท่าทางจะจริงเกี่ยวกับรุ้งกินน้ำก็คือ รุ้งกินน้ำ ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก มันช่างสวยงามเหลือเกิน และมันก็มักจะมาท่ามกลางแสงแดดหลังสายฝนที่โปรยปรายลงมาเสียด้วย สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้บรรยากาศการชมรุ้งกินน้ำมันช่างเพลินตาเำพลินใจเสียจริงๆ จนมีความรู้สึกว่าไม่อยากให้รุ้่งกินน้ำหายไปไหน อยู่ด้วยกันตรงนี้นานๆนะรุ้งกินน้ำ
          ครั้งนึง ก่อนจะรู้ความ ผมก็พยายามเดินเข้าหารุ้งกินน้ำ เดินหาว่าเอ๊ะ ทางขึ้นอยู่ที่ไหนนะ ถ้าเจอจะต้ิองปีนขึ้นไปตามคำเล่าของผู้ใหญ่ให้ได้ แต่เหมือนจะยิ่งไปข้างหน้ารุ้่งกินน้ำก็ยิ่งห่างออกไป ทำไมกันนะ ทำไม??
          หลังจากเลิกล้มจะตามหาทางขึ้นของรุ้งกินน้ำ ก็เลยลองวิธีใหม่ ทำเองโดยการฉีดสเปรย์ท่ามกลางแสงแดดเพื่อก่อให้เกิดประกายแสง 7 สี ที่เ้รียกว่ารุ้งกินน้ำ เอ่อมันสำเร็จจริงๆแฮะ มีรุ้งขนาดย่อมเกิดขึ้น ใกล้ตัวเราด้วยระยะห่างเห็นจะไม่เกิน 1 ไม้บรรทัด คราวนี้ล่ะ เราจะต้องเอื้อมมือไปจับรุ้งกินน้ำที่สวยงามนี้ให้จงได้ ก็เลยเอื้อมมือไปจัีบอีกครั้ง ไมฺ่ซิ ต้องใช้คำว่าเอื้อมมือไปจับ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ซึ่งคำแรกที่คิดในใจ

          "โถ่...มีแต่ความว่างเปล่า จับต้องไมไ่ด้อีกแล้วเหรอ ทำไม ทำไม ทำไม?"

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

It's me. II








        
          คนที่โตแล้ว มักจะมีชีวิตเพื่อปัจจุบันกับอนาคตครับ ส่วนคนที่ยังจมกับอดีตคือคนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่ซักที ซึ่งพวกคนที่ไม่ยอมโตเนี่ย 1 ในนั้น ก็มีผมด้วยนะ ฮ่าๆๆ
          บางทีผมก็อยากย้อนกลับไปอดีต เพื่อไปตามหาความสุขอันหอมหวานที่เคยได้สัมผัส บางทีก็อยากย้อนไปเพื่อแก้ไขอะไรบางอย่าง แต่ทั้งหมดที่พูดมานั้น แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก็เลยคิดซะว่า ความสุข เดี๋ยวมันก็มา คนเราจะทุกข์อะไรตลอด 365 วัน มันเป็นไปไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องความผิดพลาดนั้นก็เอาเวลามาคิดหาทางออกดีกว่าจะมานั่งอยากอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้
          การนั่งดูรูปภาพของตัวเองในวันก่อนๆ ถึงแม้มันจะทำให้อยากย้อนเวลา แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของมันก็คือเราได้เห็นพัฒนาการของตัวเองนะเออ จาก ผอมมาก มาค่อนข้างผอม จนสมส่วน และค่อนข้างอ้วน ตอนนี้ ผมมาอยู่ที่ค่อนข้างอ้วนละ 5555 ก็ตั้งใจว่าจะพยายามหยุดแค่เท่านี้แหละ ไม่งั้นขายไม่ออกแน่ๆ ตอนนี้ น้ำหนักเบ็ดเสร็จก็ 77 แล้ว เห้ย ไม่น้อยนะเห้ย !!! ยังดีนะ ที่ได้สูงมาช่วย ...


iSSAMEe

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

It's me.












.
 

          เอิ่ม กำลังรู้สึกว่าเสื้อเหลืองตัวนี้ออกงานบ่อยมากครับ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ก็ไปมาหมดแล้ว ฮ่าาๆๆ วันนี้นั่งว่างๆ ลองดูรูปเก่าๆ ในเฟสบุ๊ค ก็ไปเจอรูปตัวเองหลายรูปอยู่ ดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ หลายๆรูปนี่ถือว่าเป็นของหายากเลยทีเดียวล่ะ  
          มีหลายๆปลายทางครับที่จะต้องกลับไปอีก เพราะภารกิจคราวที่แล้ว อย่างเช่นทริปตรัง-กันตัง เฟลครับ พายุมาอดออกทะเล ฮ่วย!!!! ตูนั่งรถไฟ 18 ชั่วโมงมาเพื่อไรเนี้ย  .... 
          แปลกจัง วันนี้ตั้งใจจะเขียนบล๊อคแบบผ่อนคลายๆ สนุกๆ กลับรู้สึกว่าเขียนได้ไม่ดีแฮะ  แต่พอวันไหนเขียนแบบเศร้าๆแล้ว โอ้โห มานั่งอ่านทีหลัง มันช่างกรีดหัวใจดีแท้ ฮ่าๆๆๆ เห้อ สรุป ไม่ขงไม่เขียนและ ยิ่งเขียนยิ่งเน่า ยิ่งเขียนยิ่งเละ ....

iSSARa

         
         

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รูปในอดีต เพื่อปัจจุบัน สำหรับอนาคต

ถ่ายที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ เดือน พ.ค. ปี 2010


          หลายๆครั้ง ที่ผมเศร้าๆ ผมจะมามองภาพนี้ครับ ก่อนและหลังภาพนี้ มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นมากมาย วันนั้น ก่อนกลับกรุงเทพ คิดอย่างเดียวว่า เมื่อถึง บ้านแล้ว จะอยู่ได้ยังไง จะกินยังไง จะนอนยังไง จะขาดใจตายไหม??? เออคิดไปนั่น ... บ้าบอ
          แต่ใช้เวลาซักพักผมก็ผ่านมันมาได้ และเหตุการณ์ต่างๆมันเปลี่ยนสถานะจากไวรัสที่เล่นงานเรา กลับกลายเป็นวัคซีนชั้นดี ที่ทำให้ชีวิตเรามีภูมิต้านทานมากขึ้น แต่ว่าก็ว่าเถอะ ไวรัสมันไม่ได้มีชนิดเดียวในโลกนะ เรามีภูมิกับชนิดนี้แล้ว ดันมามีชนิดอื่นทำร้ายเราได้อีก ก็เลยต้องมานั่งย้อนความรู้สึกเมื่อ 3 ปีก่อนไง ว่า เออ วันนั้นเรายังผ่านมาได้เลย วันนี้ เราคงไม่ขาดใจตายหรอกมั้ง จริงมะ ...
          จะว่าผมเรียกร้องความสนใจก็ใช่ แต่ไม่ไม่ใช่กับทุกคน เค้าว่าคนกรุู๊ปบี มักจะเย่อหยิ่งกับคนอื่นแต่อ่อนระทวย และขี้อ้อน กับคนที่คิดว่าใช่ อัยย่ะ!!!!! มีคนเคยบอกว่าไม่เคยเห็นผมในมุมนี้ แต่ก็ไม่อยากเห็น เพรามันน่าสงสารจนเกินไป เห้ออ สงสารกูไมวะ กูยังไม่สงสารตัวเองเลย อิอิ
          ใครที่มีโอกาสได้อ่านก็ไม่ต้องสงสารนะเฮ้ย ยังสนุก ไม่ซิ ยังมีแรง จะอยู่ในมุมนี้ต่อไป โถ่ ไอ้หน้าด้านเอ๊ยยยย คิดอย่างนั้นอยู่ป่ะคนอ่าน ....

          ว่าแต่ ลองดูทางรถไฟดิ  มันมีเหล็กสองเส้นวางคู่กันตลอดทางก็จริง แต่มันไม่มีวันมาบรรจบกันนี่หว่า ...


iSSAMEe

เมื่อฉันต้องยืนอยู่กลางทางแยก อย่างเดียวดาย



          เคยมั้ยล่ะ ที่รู้สึกว่าพลาด พูดหรือทำอะไรออกไปโดยไม่คิด ??? สำหรับผมแล้ว เคยครับ ในที่สุด วันนี้ ผมก็สัมผัสได้ว่า มีคนๆนึงไม่พอใจกับคำพูดของผม ยอมรับเลยว่า ผมก็ผิดเอง ที่ไปคาดคั้น -_-" เพื่อให้ได้คำตอบ แม้บางทีคำตอบผมจะไม่อยากฟังก็ตาม เอิ่ม แล้วจะคาดคั้นทำไม??? บ้าบอ ...

          ไม่อะไรหรอกครับ ตอนนี้ ตอนที่ผมกำลังยืนอยู่กลางทางแยก โดยไม่มีสัญญาณไฟสีไหนบอกผมเลยว่าจะต้องไป ต้องหยุด ต้องเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไฟทุกสีมันมืดสนิท ราวกับท้องฟ้าในคืนเดือนดับ ตอนนี้ เอาจริงๆคือ ใจผมรู้ว่าควรเลี้ยวไปทางไหน ไม่ใช่ซิ ใจผมมันบอกแล้วว่าอยากเลี้ยวไปทางไหน ผมมั่นใจ มั่นใจมากๆ พร้อมมากๆ ที่จะไปตามทางที่หัวใจบอก แม้จะมีเสียงอีกมากมายดังมาจากข้างหลังว่าเห้ย!!เอาจริงเหรอวะ ผมตอบกลับไปทันที เออ กูจะไป กูไม่สนอะไรแล้ว เอิ่มมม...แบบนี้มันช้างตกมันชัดๆ ฮ่าๆๆๆ

           อ้าวเห้ย อย่าเพิ่งมา ยังมาไม่ได้ .... เสียงๆหนึ่งดังมาจากทางที่ผมจะไป ทำเอาผมชะงัก และแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดเสียเหลือเกิน ผมได้แต่ถาม ทำไม ทำไม ทำไม ... คำตอบที่ได้มีเพียงแค่เสียงลมพัดและใบไม้แห้งที่ร่วงลงสู้พื้นดินเท่านั้น

          ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือ ยืนอยู่กลางสี่แยก ด้วยความระวังตัว อย่าให้รถคันไหน พุ่งชนเราได้เด็ดขาด เพราะตอนนี้ เริ่มรู้สึกว่า มีรถกำลังอยากจะชนผมให้ร่างแหลกแหลวคาล้อเค้าเสียเหลือเกิน ... และบางครั้ง มีรถบางคันมาจอดเทียบข้างๆ บอกว่าไปด้วยกันมั้ย ... ไม่ครับ ไม่ไป ผมรอรถของผมอยู่ รอมาซักพักละล่ะ หวังว่า เดี๋ยวคงมาซักวัน วันไหนเหรอ?? อันนี้ ตอบไม่ได้เลย ... น่าเศร้าที่สุด

           เอาล่ะ แต่ก็ยังเต็มใจรอนะ แม้จะรู้ว่าเหนื่อยและเสี่ยงตายแค่ไหน ก็ต้องยอม มาไกลขนาดนี้แล้ว ขอแค่ส่งเสียงเบาๆมาบอกกันบ้าง ว่า เห้ย รอก่อนนะ รอก่อน รอก่อน บ่อยๆบ่อยๆนะ จะได้รอ ไม่รำคาญหรอก ดีกว่าเงียบไปเลย เพราะมันจะไม่รู้ว่า ต้องรอ หรือ ต้องไป .....

          "อ้าวเห้ย ... รีบๆมาทางนี้ดิ ช้าทำไม" ... อยากฟังคำนี้จัง

น่าจะเป็นสัญญาณไฟชนิดหางปลา(มั้งนะ)
มีไว้บอกว่า ให้เราหยุด หรือไป แต่ไม่มีให้ถอยหลังนะเออ ฮ่าาๆๆ

 

สัญญาณไฟจราจร ที่แยกมนุษย์โบราณ
กลางเมืองกระบี่ 





         

iSSAMEe








วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เสียดาย ที่ทำได้แค่นี้ // เสียดาย ที่ทำได้แค่อ้อนวอน






          เคยคุยกับคนๆนึงไว้เล่นๆว่า มีวัตถุไม่กี่อย่างอย่างที่เราจะสัมผัสได้พร้อมๆกัน ในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ พวกพระอาทิตย์ พระจันทร์ อะไรเทือกๆนั้นอ่ะครับ ผมไม่รู้ว่าอีกคนยังจำได้หรือเปล่า แต่ผมเอง ยังจำได้สนิทใจกับคำพูดนั้นของตัวเอง ไม่ซิ ต้องบอกว่า ยังจำได้สนิทใจกับคำพูดมากมายของตัวเองที่พรั่งพรูออกไป แม้วันนี้ เราไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์มาอวดกันเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ แต่เชื่อไหมว่า ผมอธิษฐานแทบทุกวันว่า ขอให้ อะไรก็ได้ ทั้งพระอาทิตย์ พระจันทร์ ลม น้ำ อะไรก็แล้วแต่ ที่เราจะสัมผัสร่วมกันได้ ขอให้เค้าช่วยหอบหิ้วความรู้สึกทั้งหมดที่ผม ส่งไปปลายทางให้หน่อย ^_^ ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ก็แวะขอพรให้คนปลายทางจงเจอแต่ความโชคดี ภัยอันตรายทั้งหลายที่อยู่รอบข้างอย่าได้เข้ามาทำอะไรได้ ...

          เสียดาย ที่ทำได้แค่อ้อนวอนกับสิ่งไม่มีชีวิต T T

iSSARa

on the way forever???







          มีบางทีวันที่เราจำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าเพียงลำพังนั้น มันก็เหนื่อยเกินกว่าเดินคนเดียวตามลำพังได้ตลอดไปจริงมั้ยครับ แต่ก็อย่างว่าแหละเหนื่อย แต่ซักพัก อย่างที่ผมเคยบอก มันมักจะมีแรงอะไรบางอย่างมาฉุดเราแล้วบอกว่า เห้ย เดินต่อดิวะ แค่นี้เองอย่ายอมแพ้ ... ซึ่งแน่นอนว่าพอได้ยินเสียงนี้ มันฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
          ถึงหนทางข้างหน้าจะมองไม่เห็นอะไรเลยก็ตาม มองไม่เห็นแม้แต่เป้าหมาย มองไม่เห็นแม้แต่คนที่จะออกมารอรับ แต่ใจเราเองนั่นแหละ ที่บอกว่าพร้อมจะเดินต่อ เดินทำไม??? .... คิดไปคิดมา เสียงเดิมก็บอกอีก เดินดิ เดินๆๆๆๆ เราก็เดิน แต่บางทีไอ้เสียงเดิมนี่แหละก็บอกให้หยุด ... เอ้าหยุด ไม่ซิ แค่ชะลอมากกว่า ชะลอได้ซักพัก เอ้าเดินๆๆๆ  จ้ำอีกละเรา แต่แปลกจัง เสียงนี้มันชัดเจนเหลือเกิน แต่ผมไม่สามารถสัมผัสเสียงนี้ได้เป็นรูปธรรมซักที ที่ผ่านๆมาสัมผัสได้แบบความรู้สึกแบบนามธรรมซะมากกว่า คือต้องแยกนะ ความรู้สึกของเสียงนี้ มันสัมผัสได้ชัดเจนมากกกก มากจนน่าตกใจ มากจนคุ้นเคยว่าเคยได้ยินมาจากชาติไหนมาก่อนหรือเปล่า (เว่อร์อีกละ) แต่พอจะสัมผัสเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ เห้ย อยู่ไหนวะ มองไปจนสุดทางก็ไม่เห็นซะที ... จนบางครั้งรู้สึกว่า ทำไมตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนออกมาระหว่างทางแล้ว ทำม้ายย ทำไมระหว่างทางมันไม่สิ้นสุดซะทีวะ หรือผมจะต้องอยู่แค่ระหว่างทางตลอดไปกันนี่ ... 

iSSSARa

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เพราะอนาคต ไม่ใช่ ปัจจุบัน และปัจจุบัน ไม่ใช่อนาคต




                อยู่ใต้ฟ้า จะกลัวอะไรกับฝน ตอนนี้แดดออก ก็ใช่จะมั่นใจได้ว่าวันนี้ทั้งวันฝนจะไม่ตก ก็เหมือนกันกับคนเราที่กำลังมีความรักที่ดีกับใครซักคน วันนี้รักที่ดูสวยงามก็ไม่ได้การันตีว่าวันพรุ่งนี้ความรักจะยังสวยงามแบบวันนี้ หรือ ใครที่มีความรักที่มืดสนิทดั่งเมฆฝนก็ไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้มันจะยังมืดเท่าเดิม ...

iSSAMEe

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ลบรูปจากกล้องทิ้งไป แล้ว memory ไว้ในความทรงจำ

















           Post นี้ ไม่มีอะไรครับ แค่เอารูปเก่ามาลงเฉยๆ แบบว่า มีโปรแกรมจะไปกระบี่อีกตอนเดือนกันยายน (หน้าฝนอีกแล้ว) ก็เลยนั่งเปิดรูปเก่าที่ไปมาเมื่อปีที่แล้วดู ก็เห็นว่าสดใสดีเลยเอามาลงเล่นๆในบล๊อคครับ
           ที่มาของทริปนี้(2013) คือ ตอนที่ไปเมื่อครั้งก่อน ผมติดใจมาก บวกกันยังไม่ได้ไปทริปเกาะห้อง เลยตั้งใจว่าต้องไปอีกให้ได้ และ บังเอิญว่าตอนที่ผมอยู่กระบี่ตอนนั้นแอร์เอเชียเปิดโปร เส้นทางกระบี่ 266 บาทพอดี จองซิครับ รออะไร 5555 ... นี่ ก็ได่แต่ภาวนาว่า ตอนที่จะไปฝนอย่าตกละกัน เพราะคราวนี้ 3 วัน 2 คืน วันที่สองนี่ถ้าฝนตก จบกันเลยล่ะเออ!!!....