วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ความหวังสีดำ...ที่ทะเลสีครีม ที่นี่ดอยหอยหลอด (มาแบบไม่ตั้งใจ)
29 มิถุนายน 2556
เห้ยๆ ไปดอนหอยหลอดกันมั้ย!!...
เสียงของว่านดังขึ้นมากลบเสียงคนอื่นที่กำลังถกเถียงกันว่าจะเลี้ยวเข้าไปถ่ายรูปชุดครุย ในพุทธมณฑลดีมั้ย ... ไม่ทันใบไม้แห้งจะร่วงถึงพื้นก็เสียงของใครซักคนก็บอกเออๆก็ดีเหมือนกัน พร้อมๆกับที่หญิง เริ่มหักพวงมาลัยรถกลับมาสู่เลนกลางเพื่อนมุ่งหน้าสู่สมุทรสาคร
เห้ยๆ ไกลว่ะ มะไรจะถึง กลับกันมั้ย???
เสียงของใครซักคนปลุกเพื่อนๆตื่นจากภวังค์ เพราะดูเหมือนทุกคนจะคาดหวังว่าดอยหอยหลอดคงไม่ไกลขนาดนี้ มีเพียงแต่ผมที่บอกว่าเออ ว่าถึงขนาดนี้แล้วไปต่อเถอะ (เห้ย นี่มันนิสัยส่วนตัวนี่หว่า ฮ่าๆๆ) นั่งตัดสินใจกันได้ครู่เดียว หญิงก็ขับรถมาเรามาถึงถนนพระราม2 เราเริ่มรู้สึกได้ว่า ความหวังชักจะใกล้เข้ามาทุกทีๆ แล้ว ถ้าไปถึงจะกินของทะเลให้เต็มที่เลย
ขับมากี่สิบกิโลไม่รู้ เราก็มาถึงทางเข้าดอนหอยหลอด ทันทีที่เลี้ยวเข้าไป ก็มีต้นโกงกางมากมาย มาต้อนรับเราตลอดสองข้างทาง ทุกคนดูตื่นเต้นกับรรยากาศรอบๆข้างอย่างมากแม้ว่าจะมีอยู่ช่วงนึงที่หญิงต้องอารมณ์ขุ่นมัวไปบ้างกับเรื่องราวบางอย่างทางสายโทรศัพท์
เพียงไม่นานจากถนนใหญ่ เราก็มาถึงเหล่าร้านอาหารในดอนหอยหลอด เราขับรถวนกันอยู่ 2 รอบ ก็ยังเลือกไม่ได้ว่าร้านไหนที่เราจะแวะฝากท้องกัน ทั้งว่านและซีน ต่างช่วยกันหาข้อมูลในพันทิพ บางร้านที่บอกว่าว่าอร่อย ก็ดูแล้วจะแพงเหลือเกิน แต่ขณะที่บางร้านแม้จะเป็นร้านแนะนำแต่...สภาพจริงวันที่เราไป กลายเป็นร้านร้างไปแล้ว เพลีย... จนในที่สุดพวกเราก็เลือกจะลงเอยกับร้านสองอนงค์ ร้านนี้นอกจากชื่อร้านฟังดูน่ากังวลแล้ว ยังมีรูปของสองอนงค์ที่แลดูแล้ว เอิ่ม!!! ผมว่าลองไปดูกันเองดีกว่าครับ
ว่ากันด้วยเรื่องบรรยากาศภายในร้าน วันนี้ลูกค้าน้อยครับ น้อยมากๆ แต่ 2 โต๊ะเท่านั้น เราเริ่มเปิดเมนูเล่มเก่า ที่น้องพนักงานมาวางไว้ให้ ก็ต้องตกตะลึงกับราคาที่ปรากฎตรงหน้า แต่ก็เอาวะไหนๆก็มาแล้ว ซะหน่อยละกัน หาร 5 ตกคนละคงไม่เท่าไรหรอก ไม่ทันถึง 15 นาที อาหารทุกอย่างมาวางครบอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับเสกมา แต่ผมว่าเค้าคงทำไว้แล้วมาอุ่นเวฟเอาน่ะ เชื่อผมเถอะ !! ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีอาหารจานไหน อร่อยเลยแม้แต่จานเดียว แม้กระทั่งผัดฉ่าหอยหลอดก็ไม่อร่อย เห้ย นี่มันเมนูซิกเนเจอร์ของย่านนี้เลยนะเห้ย...
กินกลางวันเสร็จ เดินออกจากร้านด้วยจิตใจเศร้าหมองทั้งเรื่องอาหารและเรื่องหัวใจ (วกมาจนได้ คริๆ ) ก็มาเดินเล่นถ่ายรูปกันซักพัก ก่อนจะเริ่มตระหนักได้ว่าเออมันไม่มีไรเลยอ่ะ ร้อนด้วย กลับกันเถอะ ก็กลับซิครับ รออะไร ขับรถมาปุเรงๆ มาถึงตลาดทะเลไทย แวะดูของทะเล ตั้งใจกลับไปทำกินที่บ้านว่าน ผมว่าราคาก็โอเค รับได้ แต่หญิงกะอัลไม่อนุมัติ พวกหล่อนบอกว่า ราคานี้ ไปกินร้านข้างทางได้ตั้งมากมาย เออ อดจ้ะ ...
ออกจากตลาดทะเลไทย ก็แวะส่งซีนที่บิ๊กคิงส์บางใหญ่ เพื่อต่อแทกซี่กลับห้วยขวาง แล้วพวกเราก็เหลือกัน 4 คน ไปกินข้าวต้ม ข้างๆทางแถวซอยวัดลาดปลาดุก (ซึ่งก็พยายามมองหาว่า ปลาดุกอยู่ไหนวะ) ทันทีที่นั่งโต๊ะหินอ่อนหน้าร้าน เราแทบจะไม่ต้องเปิดเมนู แต่เลือกที่จะสั่งด้วยความคุ้นเคย ว่าอยากกินอะไรก็สั่งๆ ตามที่ใจต้องการ ซึ่งก็สั่งมาหลายอย่างเหมือนกัน ไฮไลท์วันนั้นเห็นจะเป็นหมูป่านรก เป็นหมูป่าผัดเผ็ดๆแห้งๆ แซ่บอย่าบอกใคร ลองคำแรกก็นึกถึงเบียร์สิงห์ทันที ฮ่าๆๆๆ กินไปจนราบเป็นหน้ากลอง เราก็สั่งเช็คบิลด้วยราคาเพียง 700 กว่าบาท แพงขึ้นกว่าสมัยก่อนที่มากินนิดหน่อย แต่ทุกเมนูยังอร่อยเหมือนเดิม
สุดท้าย แม้ว่าเมื่อวันนั้น ผมจะรู้สึกซึมเศร้า เจ็ดบปวดหมองหม่นแค่ไหน สุดท้ายเมื่อผมอยู่กับเพื่อน ผมก็มีความสุขได้เหมือนกัน แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตามพอ กลับบ้านมา ผมก็ต้องเจอกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่เลิก แต่ก็ยังดีที่ตอนดึกๆ มีมือของใครบางคนยื่นมากุมมือผมไว้ ไม่ให้ต้องว้าเหว่ต่อไป แม้ว่ามือคู่นั้นจะกุมมือผมได้ไม่นาน แต่ก็ดีกว่าไม่มาเลย จริงมั้ยครับ
ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ที่สายฝนจะโปรยปรายลงมาที่ทะเลทรายอีกครั้ง ...
iSSAMEe
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น